อย่าเพิ่งสงสัยครับว่ามันเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร......แต่สำหรับคนกีฬาหรือตัวนักกีฬาเองหลายคนคงจะพอเข้าใจกับประโยคข้างต้นที่ผมเขียนไว้ครับ
หลายปีก่อนตอนช่วงที่ผมยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ.....ที่ต้องเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมกีฬาอย่างหนัก เพื่อทำผลงานให้ดี บอกได้คำเดียวว่าชีวิตของตัวผมนั้นไม่ได้มีจุดมุ่งหมายและคิดอะไรเลยนอกจากการพยายามไขว่คว้าหาความสำเร็จในการแข่งขัน......คิดแค่ว่าถ้าเราทุ่มเทกับการฝึกซ้อม ทำผลงานในการแข่งขันให้ดี เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ มีงาน มีเงิน และสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้จากการเล่นกีฬาว่ายน้ำ
จนมาวันนึงที่ผมเริ่มรู้สึกตระหนักกับตัวเองได้ว่า.............เล่นกีฬาอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เรามีชีวิต และความเป็นอยู่ที่มั่นคงได้ เนื่องจากมีนักกีฬารุ่นน้องที่เก่งกว่า และทำสถิติได้ดีกว่าเข้ามาแทนที่ เป็นธรรมดาของผู้ฝึกสอนหรือผู้ควบคุมทีมก็ต้องเลือกนักกีฬาที่เก่งกว่าเป็นตัวเลือกในการทำทีม
มันทำให้ผมได้รู้ตัวเองทันทีว่า ชีวิตของเราจะหยุดอยู่ที่การเล่นกีฬาไปจนแก่ตายไม่ได้แน่ ผมพยายามหาคำตอบให้กับทฤษฎีที่เกิดขึ้นกับตัวเองนี้มานาน จนในที่สุดเมื่อผมได้มีโอกาสเรียนปริญญาโทเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง........อาจารย์ท่านหนึ่งได้ให้คำนิยามที่ท้ายที่สุด คำนิยามของท่านก็เติมเต็มความคาใจของผมได้ซักที ซึ่งอาจารย์กล่าวว่า "นักกีฬาก็เหมือนหมาล่าเนื้อ.....เมื่อหมดประโยชน์..เขาก็เขี่ยคุณทิ้ง"
นักกีฬาเยาวชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกีฬาที่ยังไม่ได้เป็นกีฬาอาชีพไม่เคยคิดถึงแผนการใช้ชีวิตอื่นๆเลย นอกจากการเล่นกีฬา อาจจะเป็นเพราะยังเป็นช่วงวัยรุ่นและต้องเอาใจใส่กับการฝึกซ้อมกีฬามากกว่า และมองว่าอนาคตเหล่านั้นยังอีกไกลกว่าจะมาถึงตัวเขา
แล้วถ้าเกิดว่าวันนึงมันเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คุณไปไม่ถึงจุดมุ่งหมายที่สูงสุดของอาชีพกีฬาของคนได้ คุณจะทำอะไร คุณจะดำรงชีวิจอยู่ในสังคมนี้อย่างไร และคุณจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบตามอย่างที่คุณใฝ่ฝันได้อย่างไร ตัวอย่างของคึนที่ล้มเหลวในชีวิตเพราะพยายามทำตัวเปรียบเสมือนหมาล่าเนื้อนั้นมีอยู่ทั่วไป
โปรดมองความผิดพลาดจากผู้อื่น....แล้วเก็บไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติตัวเองไว้ว่า
"เราไม่สามารถเล่นกีฬาไปตลอดจนแก่ตายได้"
"นักกีฬา" เป็นมากกว่า "หมาล่าเนื้อ" เพราะสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังและฝึกฝนมานั้น ทำให้กลายเป็น "สุภาพชน" ที่แกร่ง กล้า อดทน และเผชิญต่อสภาพการณ์ต่างๆ ที่กดดันได้เป็นเลิศ..และที่สำคัญ รู้ซึ้งคำว่า.."ล้มแล้วลุกขึ้น"..แค่นี้ก็เพียงพอที่จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีความสุขในโลกใบนี้ได้แล้วหล่ะค่ะ ^^
ตอบลบขอบคุณอาจารย์นัทธีรัตน์ครับ ถูกต้องอย่างที่อาจารย์พูดทุกคำครับ......แต่ถ้าเรามองในมุมของโอกาสประสบความสำเร็จแล้วนั้น น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพทางกีฬา เราจะเห็นได้จากหลายกีฬาที่จะมีผู้เล่นเป็นจำนวนมากในวัยเด็ก และจำนวนจะลดน้อยลงมาเรื่อยๆเมื่อเขาโตขึ้น (ลักษณะคล้ายปิรามิด) ผมแค่อยากจะสื่อให้เห็นว่า....การเล่นกีฬาเราไม่สามารถเล่นไปจนแก่ได้ วันนึงเราต้องโรยรา วันนึงต้องมีคลื่นลูกใหม่ขึ้นมาทดแทน นักกีฬาหลายคนยังมีทัศคติที่ว่าเล่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีผู้ใหญ่ให้การสนับลสนุนเอง (หมายถึงโอกาสในการเป็นโค้ชหรือผู้ฝึกสอนกีฬา) แต่มันจะมีซักกี่คนหล่ะครับที่มีความสามารถพอที่จะได้รับโอกาสเหล่านั้น หลายคนต้องไปทำอาชีพอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับกีฬา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งกับโอกาส และความสามารถในอดีตที่ผ่านมาของเขา T__T ยังไงขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยครับ
ตอบลบ