กีฬามวยไทยนั้น ถ้าเทียบกันในเรื่องของค่านิยมของคนไทยเองนั้น เทียบไม่ได้เลยครับกับชาวต่างชาติ ช่วงหลายปีให้หลังมานี้......มีชาวต่างชาติมากหน้าหลายตา ลงทุนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล.....เพื่อที่จะมาฝึกเรียนมวยไทย...ที่เมืองไทย เมืองซึ่งเป็นต้นตำรับของมวยไทย ศิลปะต่อสู้ที่มีพิษสงรอบตัว

เทควันโด นักมวยของไทยที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยเองหลายคน เลือกที่จะต่อสู้ในสังเวียนที่แปลกแตกต่างออกไปในต่างชาติ ส่วนหนึ่งอันเนื่องมากจาก ค่าตัวที่ต่างชาติจ้างไปนั้น มีราคาสูงมากถ้าเทียบกับการต่อยมวยในเวทีสำคัญๆต่างๆในเมืองไทย ช่วงสิบกว่าปีที่แล้วนักมวยที่ชื่อที่เราคุ้นหู และลงแข่งมากที่สุดคือ น้องตุ้ม หรือ ปริญญา เจริญผล สาวประเภทสองที่เดินทางไปหลายประเทศเพื่อแข่งขันกับนักสู้ต่างประเทศ
![]() |
ปริญญา เจริญผล หรือ น้องตุ้ม |
ซึ่งในหลายๆเวทีที่นักมวยไทยได้ขึ้นสังเวียนต่อสู้กับนักสู้ต่างชาติ นักมวยไทยเหล่านี้ได้แสดงถึงฝีไม้ลายมือ ให้ชาวต่างชาติเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาว่า.........เมืองไทยมีของดีอยู่ ทำให้หลายๆชาติเริ่มที่จะเลียนแบบกีฬามวยไทย ดังจะเห็นได้จาก ในแถบยุโรปมีกีฬาที่ชื่อว่า Ultimate Fighting ซึ่งมีรูปการแข่งขันที่คล้ายคลึงกับมวยไทย แต่มีการผสมผสานของการต่อสู่ชนิดอื่นเข้าไปหลากหลายชนิด ประกอบกับการใช้กติกาซึ่งค่อนข้างแปลก เพราะนักสู้ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆไม่ว่าวิธีการใดๆก็ได้ จนกว่าคู่ต่อสู่จะยอมแพ้ หรือหมดเวลาการแข่งขัน
![]() |
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะล้มไปแล้ว..ก็ยังสามารถตามไปซ้ำต่อได้ |
![]() |
การต่อสู้ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว |
![]() |
ถึงแม้จะมีเลือดตกยางออกเท่าใด......ก็จะไม่มีการหยุดเล่นจนกว่าเวลาจะหมดหรือขอยอมแพ้ |
จุดมุ่งหมายของกีฬามวยไทย......มีไว้เพื่อป้องกันตัว.......มิใช่มีเพื่อไว้ทำลายหรือเบียดเบียนใคร รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ฝึกความอดทน มีความเป็นสุภาพบุรุษ และให้เกียรติต่อคู่ต่อสู้และคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษมากว่า 1,000 ปี ซึ่งกีฬา Ultimate Fighting เป็นกีฬาที่ขัดต่อ วัฒนธรรมและประเพณีของชาติไทยเรา จึงไม่มีการเผยแพร่มากนัก แต่ก็มักจะมีการถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันทางช่องเคเบิลต่้างๆ ซึ่งก็ถือเป็นการเผยแพร่กีฬาให้ได้รู้จักอีกชนิดหนึ่ง
ข้ามมาทางฝั่งประเทศญี่ปุ่น...ซึ่งประเทศนี้มีความคลั่งไคล้หลงไหลในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก มวยไทยก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ ชาวญี่ปุ่นมีความนิยมเป็นอย่างมาก มีการจ้างโค้ชมวยจากเมืองไทย เปิดเป็นโรงเรียนและทำการฝึกสอนอย่างเป็นระบบ........โค้ชและนักมวยชาวไทยจึงมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเป็นคนล่อเป้า.....และคู่ซ้อมให้กับชาวญี่ปุ่น ในช่วงแรกญี่ปุ่นผลิตนักมวยและแข่งขันกันเอง
แต่ในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันโดยใช้ชื่อว่า
K - 1 Grang Prix ซึ่งจริงแล้วก็ไม่ได้มีแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่สนใจในกีฬาชนิดนี้ ในปัจจุบัน ประเทศในแถบยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีโครงกวนความร่วมมือจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬามวยในประเทศนั้นๆ ส่งผู้ฝึกสอน และคู่ซ้อมส่งไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่องทางทำให้กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากขึ้น
ในการแข่งขัน K - 1 Grand Prix นั้น ทางญี่ปุ่นได้เชิญชาวต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งจะขาดไม่ได้เลยสำหรับกีฬานี้ ถ้าจะไม่เชิญเจ้าของต้นตำรับของกีฬาชนิดนี้อย่างประเทศไทยเราเข้าร่วมแข่งด้วย
ฉายาในวงการมวยของเขาคือ บัวขาว ป.ประมุข เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์โดยกำเนิด โดยบัวขาวเข้าร่วมการแข่งขัน K -1 ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้แชมป์บ้าง และพลาดท่าแพ้บ้าง ต่างกันไป............แต่สิ่งที่บัวขาวได้ทิ้งไว้ให้กับชาวต่างชาติได้เห็นคือ ลีลาแม่ไม้มวยไทย อันเป็นที่น่าเกรงขามอย่างมาก ทุ่ม ทับ จับ หัก และเหลี่ยมเชิงมวย...เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติไม่สามารถเลียนแบบได้......หลายครั้งที่ผมได้ดูการชกของบัวขาว.......มันทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า.......ประเทศเรามีของล้ำค่ามากขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่เคยคิดที่จะใส่ใจกับมันเลย.....
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก...ที่เป็นคนไทยแท้ๆแต่ปล่อยให้ชาวต่างชาติคลั่งไคล้กับศิลปะของชาติไทยมากขนาดนี้ (บางทีก็น่าอายนะครับ ^^)
หลังจากที่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเพลิดเพลินกับศิลปะประจำชาติอยู่พักใหญ่......ในที่สุดวงการกีฬามวยไทยก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อให้กีฬามวยไทยมีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น โดยการนำกฎกติกามวยไทยที่เราใช้กันอยู่ทั่วไป จัดเป็นการแข่งขันโดยใช้ชื่อว่า Thai Fight แต่ลดจำนวนยกในการแข่งขันจากเดิม
ชกกัน 5 ยก ให้เหลือเพียง 3 ยก เพื่อความสนุกและเร้าใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น
ซึ่งรายการนี้มีการเชิญชาวต่างชาติเข้ามาแข่งขันด้วย....ซึ่งนักมวยต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันก็มาจากนักมวยที่อยู่ในศูนย์ฝึกที่การกีฬาแห่งประเทศไทย.....จัดให้มีศูนย์ฝึกตามประเทศต่างๆนั่นเอง ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 แล้วที่มีการแข่งขัน Thai Fight โดยในปีนี้มีนักมวยจากชาติต่างๆเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่ง จีน ไต้หวัน บราซิล ที่มีศิลปะการต่อสู้ของชนชาติเค้าอยู่แล้ว....ก็ยังมีกลุ่มคนที่สนใจในการต่อสู้มวยไทยอยู่มากมายขนาดนี้
รายการ Thai Fight ในปัจจุบัน ได้ทำการขยายความนิยมให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีการจัดการแข่งขันในต่างประเทศ อย่างรายการที่ผ่านมาเดือนมิถุนายน ไปจัดการแข่งขันที่ไต้หวัน...ซึ่งได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่าง มีการถ่ายทอดสดทางทีวี...และยอดมวยจาก K - 1 ส่วนใหญ่ก็ได้รับคำเชิญมาร่วมแข่งขันด้วย

นับเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้วครับ.....ที่คนทั่วโลกเริ่มหันมามองประเทศเล็กๆอย่างเรา ซึ่งนอกจากเมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากอยู่แล้ว....เรายังมีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงามที่พร้อมจะเผยสู่สายตาชาวโลก........ถ้าเรามีการบริหารจัดการที่ดี ทั้งในเรื่องของการจัดการแข่งขันและการเผยแพร่กีฬามวยไทยสู่ความเป็นสากล รับรองได้ครับว่า.....มวยไทย จะเป็นมรดกอันล้ำค่าของเมืองไทย ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้
จากนี้ไปไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่่ง แต่จะหน้าที่ของคนไทยทุกคน ในการอนุรักษ์ และช่วยกันเผยแพร่กีฬามวย และสืบสานศิลปะการต่อสู้นี้ไป...อย่างน้อยขอแค่ถ้ามีใครถามเกี่บงกับเรื่องมวยแล้วท่านสามารถตอบคำถามได้...ผมคิดว่านั้นก็บรรลุเป้าหมายได้ไม่มากก็น้อยแล้วครับ ^__^
แต่ในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันโดยใช้ชื่อว่า
K - 1 Grang Prix ซึ่งจริงแล้วก็ไม่ได้มีแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่สนใจในกีฬาชนิดนี้ ในปัจจุบัน ประเทศในแถบยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีโครงกวนความร่วมมือจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬามวยในประเทศนั้นๆ ส่งผู้ฝึกสอน และคู่ซ้อมส่งไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่องทางทำให้กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากขึ้น
ในการแข่งขัน K - 1 Grand Prix นั้น ทางญี่ปุ่นได้เชิญชาวต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งจะขาดไม่ได้เลยสำหรับกีฬานี้ ถ้าจะไม่เชิญเจ้าของต้นตำรับของกีฬาชนิดนี้อย่างประเทศไทยเราเข้าร่วมแข่งด้วย
ฉายาในวงการมวยของเขาคือ บัวขาว ป.ประมุข เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์โดยกำเนิด โดยบัวขาวเข้าร่วมการแข่งขัน K -1 ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้แชมป์บ้าง และพลาดท่าแพ้บ้าง ต่างกันไป............แต่สิ่งที่บัวขาวได้ทิ้งไว้ให้กับชาวต่างชาติได้เห็นคือ ลีลาแม่ไม้มวยไทย อันเป็นที่น่าเกรงขามอย่างมาก ทุ่ม ทับ จับ หัก และเหลี่ยมเชิงมวย...เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติไม่สามารถเลียนแบบได้......หลายครั้งที่ผมได้ดูการชกของบัวขาว.......มันทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า.......ประเทศเรามีของล้ำค่ามากขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่เคยคิดที่จะใส่ใจกับมันเลย.....
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก...ที่เป็นคนไทยแท้ๆแต่ปล่อยให้ชาวต่างชาติคลั่งไคล้กับศิลปะของชาติไทยมากขนาดนี้ (บางทีก็น่าอายนะครับ ^^)
หลังจากที่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเพลิดเพลินกับศิลปะประจำชาติอยู่พักใหญ่......ในที่สุดวงการกีฬามวยไทยก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อให้กีฬามวยไทยมีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น โดยการนำกฎกติกามวยไทยที่เราใช้กันอยู่ทั่วไป จัดเป็นการแข่งขันโดยใช้ชื่อว่า Thai Fight แต่ลดจำนวนยกในการแข่งขันจากเดิม
ชกกัน 5 ยก ให้เหลือเพียง 3 ยก เพื่อความสนุกและเร้าใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น
ซึ่งรายการนี้มีการเชิญชาวต่างชาติเข้ามาแข่งขันด้วย....ซึ่งนักมวยต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันก็มาจากนักมวยที่อยู่ในศูนย์ฝึกที่การกีฬาแห่งประเทศไทย.....จัดให้มีศูนย์ฝึกตามประเทศต่างๆนั่นเอง ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 แล้วที่มีการแข่งขัน Thai Fight โดยในปีนี้มีนักมวยจากชาติต่างๆเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่ง จีน ไต้หวัน บราซิล ที่มีศิลปะการต่อสู้ของชนชาติเค้าอยู่แล้ว....ก็ยังมีกลุ่มคนที่สนใจในการต่อสู้มวยไทยอยู่มากมายขนาดนี้
รายการ Thai Fight ในปัจจุบัน ได้ทำการขยายความนิยมให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีการจัดการแข่งขันในต่างประเทศ อย่างรายการที่ผ่านมาเดือนมิถุนายน ไปจัดการแข่งขันที่ไต้หวัน...ซึ่งได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่าง มีการถ่ายทอดสดทางทีวี...และยอดมวยจาก K - 1 ส่วนใหญ่ก็ได้รับคำเชิญมาร่วมแข่งขันด้วย

นับเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้วครับ.....ที่คนทั่วโลกเริ่มหันมามองประเทศเล็กๆอย่างเรา ซึ่งนอกจากเมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากอยู่แล้ว....เรายังมีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงามที่พร้อมจะเผยสู่สายตาชาวโลก........ถ้าเรามีการบริหารจัดการที่ดี ทั้งในเรื่องของการจัดการแข่งขันและการเผยแพร่กีฬามวยไทยสู่ความเป็นสากล รับรองได้ครับว่า.....มวยไทย จะเป็นมรดกอันล้ำค่าของเมืองไทย ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้
จากนี้ไปไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่่ง แต่จะหน้าที่ของคนไทยทุกคน ในการอนุรักษ์ และช่วยกันเผยแพร่กีฬามวย และสืบสานศิลปะการต่อสู้นี้ไป...อย่างน้อยขอแค่ถ้ามีใครถามเกี่บงกับเรื่องมวยแล้วท่านสามารถตอบคำถามได้...ผมคิดว่านั้นก็บรรลุเป้าหมายได้ไม่มากก็น้อยแล้วครับ ^__^
ดีมากมากค่ะ
ตอบลบA
ตอบลบถูกใจมากที่สุด ครับ
ตอบลบ