สิ่งพนักงานหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ.....ที่นอกจากจะเหนื่อยกับการทำงานอย่างหนักหน่วง ต้องรับมือกับความกดดันต่อภารกิจหน้าที่ที่ตนเองต้องทำ แล้วนั้น
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมมองว่า...บางทีอาจจะเป็นทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีในตัวมันเองก็เป็นได้ (ซึ่งบางสำนักงานอาจจะเจออย่างที่ทำงานผมทำอยู่ก็เป็นได้ครับ) นั้นก็คือ.......
การเสนอขายสินค้าขายตรงต่างๆ.......ที่นำมาเสนอสินค้าให้ท่านถึงสำนักงาน !!
สำหรับตัวผมเองแล้วนั้น การขายสินค้าตรงลักษณะเช่นนี้ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับงานนี้ครับ......เพราะผมถือว่าเป็นงานที่สุจริต...ไม่ใช่งานที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมของไทย......เมื่อมีใครมาเสนอขายของ หรือให้ทดลองสินค้า ที่ำทำงานผมก็มักจะเปิดโอกาสให้พนักงานขายเหล่านี้ ได้มาขายสินค้าได้ตามปกติ................แต่ต้องอยู่ในขอบเขต...ไม่ขายในขณะเวลาที่เรากำลังทำงานยุ่งกันอยู่
ผมก็เป็นคนหนึ่งครับ...ที่บางทีไม่ค่อยจะใส่ใจกับสินค้าอะไรมาก (ยกเว้นป้าขายขนมไทยหาบเร่ ถ้าแกผ่านมาแถวนี้เมื่อไหร่......ถึงแกจะไม่แวะเข้ามาที่สำนักงาน แต่ถ้าผมเห็นก็จะวิ่งไปซื้อกับแกทันที ^^) ถ้าสินค้าบางตัวไม่ได้อยู่ในพื้นฐานความสนใจของเรา.........เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจกับสินค้าที่มาขายตรงต่อเราเท่าที่ควร ผมชอบที่จะเดินเข้าไปเลือกสินค้า ใช้เวลาพิจารณาสินค้ามากกว่านั้นเอง

ถ้าจะพูดถึงประเภทของสินค้าที่นำมาขายโดยทั่วไป ก็มีอย่างของที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวออฟฟิศ......คือ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล 555 โดยเฉพาะช่วงก่อนวันหวยออกด้วยแล้วนั้น จะมีบรรดาหนุ่มน้อยสาวใหญ่จากออฟฟิศต่างแห่กันไปมุงดูตามแผงไปหมดครับ...........หรือไม่ก็จะเป็นพวกขายผลิตภัณฑ์ต่างๆสารพัดที่จะหาได้
ในสำนักงานของผมนั้นก็เป็นอีกที่่ซึ่งไม่รอดจากการนำเสนอขายสินค้าอยู่แล้ว เช่นการเสนอขายผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดโซฟา และเครื่องหนัง...ซึงพนักงานได้เสนอขายโดยการทดลองเทน้ำยาลงบนโซฟาของสำนักงานเล็กน้อยลงไป....ซึ่งมันได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ แต่ด้วยราคาซึ่งแพงบรมถึงขวดละ 3,xxx บาท พี่ที่สำนักงานจึงไม่มีใครคิดซื้อ.....แล้วพนักงานก็จากไปแต่สิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้คือ........
ความแตกต่างระหว่างรอยที่สะอาด กับรอยคราบสกปรกซึ่งมันแตกต่างกันชัดมาก
แล้วใครจะขัดออกหล่ะทีนี้ T^T
![]() |
ใครก็ได้...มาขัดให้ทีครับ T^T |
บางครั้งก็มีน้องๆที่ทำงานชมรมหรือองค์กรอาสาต่างๆมาขอรับการสนับสนุนในการออกค่ายพัฒนาชนบท...ซึ่งสมัยที่ผมเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย...ถึงผมจะไม่ค่อยได้ออกค่ายมากนัก แต่ก็มักจะยินดีที่จะช่วยเหลือโดยไม่ลังเลอยู่แล้ว......อย่างล่าสุดมีน้องจากชมรมอะไรซักอย่างมาขอให้ช่วยสนับสนุนในการไปออกค่ายเพื่อนำรายได้ไปช่วยสร้างห้องน้ำให้กับโรงเรียนชาวเขา....................แม้ในใจจะสงสัยกับแนวคิดของน้องๆเค้า บวกกับความสงสัยในตัวเองว่า........
โรงเรียนเหล่านี้ไม่มีห้องน้ำมาก่อนรึไงนะ ???
มัวแต่เอาเงินไปสร้างอาคารจนลืมสร้างห้องน้ำรึไงนะ??
ไปซื้อจอบให้โรงเรียนแล้วไปขุดหาที่เอาเองก็ได้มั้ง???
แต่ผมก็ยินดีช่วยเหลือกับชมรมนี้ไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก (นอกจากความคิดอุตริในหัว ^^) ในราคา100 .....ซึ่งได้ของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจรูปช้าง ซึ่งตอนหลังผมเรียกเจ้าพวงกุญแจนี้ว่้า
ตุ๊กตาช้างโง่ๆ...เนื่องจากใช้ได้ไม่ถึง 1 วัน มันก็ขาด......ซะงั้น !!
![]() |
ตุ๊กตาช้างโง่ๆ ซึ่งหูพวงกุญแจมันขาดไปแล้ว ไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรต่อ |
แต่การนำเสนอสินค้าที่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่าที่ผ่านมามากที่สุด......คือการนำเสนอขายพนักพิงเบาะนวดไฟฟ้า ซึ่งพนักงานได้เสนอขายให้กับพี่ที่ทำงานอีกคนหนึ่งพร้อมแจกเอกสารแนะนำสรรพคุณของเครื่องนวดว่าดีอย่างไร........ตัวผมซึ่งจบมาทางด้านพลศึกษาและผ่านการทำงานฟิตเนสมาครับ ทำให้พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร....แล้วพอมองสินค้าแปปเดียวผมก็รู้แล้วครับว่าสินค้ายังมีจุดอ่อนอีกเยอะ แต่ด้วยความเกรงใจและไม่อยากไปขัดการทำงานกับเค้า...ผมจึงเลือกที่จะนั่งทำงานประจำของผมต่อไป แต่หูก็แอบฟังการนำเสนอของเค้าไปเรื่อยอย่างตั้งใจ
เพียงเท่านั้นแหล่ะครับ...ผมหมดความอดทนทันที พร้อมกับเดินเข้าไปหาพนักงานพร้อมสอบถาม
ผม : พี่ครับ.....เครื่องที่ว่านี้โครงสร้างของเครื่องและลูกกลิ้งที่ใช้นวดข้างใน จะรู้ได้ไงว่ามันพอดีกับขนาดตัวของแต่ละคน ??
พนักงาน : ถ้าน้องอยากรู้ต้องลองดูแล้วหล่ะ....ว่ามันพอดีกับขนาดตัวของน้องมั้ย??
พี่แกพลาดแล้วครับ ! เพราะคำถามนี้ถือเป็นคำถามที่เป็นจุดอ่อนของพนักพิง หรือเครื่องนวดไฟฟ้าทั่วโลกอยู่แล้วครับ คือ.....ขนาดตัวของคนยุโรป คนเอเชีย ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือแม้แต่นักกีฬาหรือเป็นคนธรรมดา ย่อมมีขนาดร่างกายก็ต่างกันอยู่แล้ว....แล้วขนาดของเครื่อง กับ ขนาดของลูกกลิ้งก็มีผลต่อการนวดเหมือนกันครับ.....ผมเคยนวดเครื่องนวดไฟฟ้าที่เป็นเครื่องของคนยุโรป ปรากฎว่าลูกกลิ้งข้างในมันหมุนบดถึงกระดูกสันหลังเลยครับ......แทบจะไม่โดนเส้นเลย......เจ็บมาก !!!
นี่พี่แกเล่นจะขายของอย่างเดียวเลยรึไงนะ??
แต่ผมก็ยังเก็บอาการแล้วยิงคำถามต่อ
ผม : แล้วความหนักในการกดของลูกกลิ้งนี้.......มีแบ่งความเบาหนักในการกดต่างกันมากหรือไม่ครับ??
พนักงาน: ด้วยฟังก์ชั่นในการกดมีความหนักเพียงพออยู่แล้วครับ ^^
ก็พลาดอีกนั่นแหล่ะ !..เพราะร่างกายแต่ละคนรองรับความหนักในการกดได้แตกต่างกันครับ.....ถึงแม้เครื่องจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มความหนักเบาในการกดก็จริง แต่ก็อาจไม่พอกับความต้องการในการกดก็ได้ครับ เพราะผมเคยนวดคนที่เส้นอยู่ลึกมากๆ แทบจะต้องใช้แีรงทั้งตัวในการกด เขาถึงจะรู้สึก
เท่านั้นแหล่ะครับ.......ผมไม่พูดอะไรแต่ผมเดินออกมาเลย.....เพื่อส่งสัญญาณเป็นนัยให้กับพี่อีกคนว่า...มันไม่เวิร์คหรอกครับพี่ ! ซึ่งเค้าก็พอจะเข้าใจความหมายของเราได้.........สุดท้ายพี่เค้าก็ไม่ได้ซื้อจริงๆครับ ^^
ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมไปขัดขวางไม่ให้พนักงานได้ขายของนะครับ....แต่สินค้าถ้ามันมีจุดอ่อนและมันไม่ครอบคลุมกับความต้องการการใช้งานของเราจริงๆ จะไปทนซื้อมาใช้ให้หงุดหงิดทำไมครับ?? เชื่อผมเถอะว่ายอมเสียเงิน...เสียเวลามากขึ้น ไปนวดตามร้านนวดแผนโบราณดีกว่าครับ.......ให้หมอนวดได้จับเส้นและช่วยนวดแก้อาหารต่างๆดีกว่าครับ
การนวดถือเป็นศาสตร์โบราณอย่างหนึ่ง......ที่คนไทยเราสามารถคิดค้นรวมถึงรับเอาวิทยาการมาจากชาติอื่นๆผสมผสานออกมาจนเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลายมาเป็นพันๆปีแล้วครับ......แน่นอนว่าการนวดเพื่อรักษาอาการต่างๆย่อมดีกว่าการใช้เครื่องไฟฟ้าอย่างแน่นอนครับ ซึ่งแม้ว่าเครื่องนวดไฟฟ้าจะสามารถลดเวลาและสะดวกในการใช้กว่า การเดินทางไปร้านนวดแผนโบราณ หรือการให้ผู้อื่นมานวดให้.........แต่ร่างกายของเรา มีเพียงร่างเดียวนะครับ ไม่ใช่ว่าเสียแล้วจะไปซ่อมกันได้ง่ายๆ การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย มีประโยชน์และสุขภาพดีย่อมเป็นสิ่งจำเป็นครับ
![]() |
หน้าตาของเครื่องที่ว่าประมาณนี้ครับ |
และผมก็มาสะดุดกับการนำเสนอสินค้าประโยคหนึ่งที่ว่า"เมื่อเทียบกับการนวดแผนไทยที่ต้องเสียเวลาไปนวดแผนไทยคราวละหลายชั่วโมงแล้ว...เครื่องนี้สามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ภายในเวลาไม่กีนาที และค่าใช้จ่ายเมื่อเฉลี่ยแล้วตกอยู่เพียงแค่วันละ 16 บาท ต่อปี" ในใจผมคิดทันทีว่า "กะแล้วว่าต้องมาลูกไม้นี้".......ใครมันจะบ้านวดกันได้ทุกวี่ทุกวันครับ
เพียงเท่านั้นแหล่ะครับ...ผมหมดความอดทนทันที พร้อมกับเดินเข้าไปหาพนักงานพร้อมสอบถาม
ผม : พี่ครับ.....เครื่องที่ว่านี้โครงสร้างของเครื่องและลูกกลิ้งที่ใช้นวดข้างใน จะรู้ได้ไงว่ามันพอดีกับขนาดตัวของแต่ละคน ??
พนักงาน : ถ้าน้องอยากรู้ต้องลองดูแล้วหล่ะ....ว่ามันพอดีกับขนาดตัวของน้องมั้ย??
พี่แกพลาดแล้วครับ ! เพราะคำถามนี้ถือเป็นคำถามที่เป็นจุดอ่อนของพนักพิง หรือเครื่องนวดไฟฟ้าทั่วโลกอยู่แล้วครับ คือ.....ขนาดตัวของคนยุโรป คนเอเชีย ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือแม้แต่นักกีฬาหรือเป็นคนธรรมดา ย่อมมีขนาดร่างกายก็ต่างกันอยู่แล้ว....แล้วขนาดของเครื่อง กับ ขนาดของลูกกลิ้งก็มีผลต่อการนวดเหมือนกันครับ.....ผมเคยนวดเครื่องนวดไฟฟ้าที่เป็นเครื่องของคนยุโรป ปรากฎว่าลูกกลิ้งข้างในมันหมุนบดถึงกระดูกสันหลังเลยครับ......แทบจะไม่โดนเส้นเลย......เจ็บมาก !!!
นี่พี่แกเล่นจะขายของอย่างเดียวเลยรึไงนะ??
แต่ผมก็ยังเก็บอาการแล้วยิงคำถามต่อ
ผม : แล้วความหนักในการกดของลูกกลิ้งนี้.......มีแบ่งความเบาหนักในการกดต่างกันมากหรือไม่ครับ??
พนักงาน: ด้วยฟังก์ชั่นในการกดมีความหนักเพียงพออยู่แล้วครับ ^^
ก็พลาดอีกนั่นแหล่ะ !..เพราะร่างกายแต่ละคนรองรับความหนักในการกดได้แตกต่างกันครับ.....ถึงแม้เครื่องจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มความหนักเบาในการกดก็จริง แต่ก็อาจไม่พอกับความต้องการในการกดก็ได้ครับ เพราะผมเคยนวดคนที่เส้นอยู่ลึกมากๆ แทบจะต้องใช้แีรงทั้งตัวในการกด เขาถึงจะรู้สึก
เท่านั้นแหล่ะครับ.......ผมไม่พูดอะไรแต่ผมเดินออกมาเลย.....เพื่อส่งสัญญาณเป็นนัยให้กับพี่อีกคนว่า...มันไม่เวิร์คหรอกครับพี่ ! ซึ่งเค้าก็พอจะเข้าใจความหมายของเราได้.........สุดท้ายพี่เค้าก็ไม่ได้ซื้อจริงๆครับ ^^
ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมไปขัดขวางไม่ให้พนักงานได้ขายของนะครับ....แต่สินค้าถ้ามันมีจุดอ่อนและมันไม่ครอบคลุมกับความต้องการการใช้งานของเราจริงๆ จะไปทนซื้อมาใช้ให้หงุดหงิดทำไมครับ?? เชื่อผมเถอะว่ายอมเสียเงิน...เสียเวลามากขึ้น ไปนวดตามร้านนวดแผนโบราณดีกว่าครับ.......ให้หมอนวดได้จับเส้นและช่วยนวดแก้อาหารต่างๆดีกว่าครับ
การนวดถือเป็นศาสตร์โบราณอย่างหนึ่ง......ที่คนไทยเราสามารถคิดค้นรวมถึงรับเอาวิทยาการมาจากชาติอื่นๆผสมผสานออกมาจนเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลายมาเป็นพันๆปีแล้วครับ......แน่นอนว่าการนวดเพื่อรักษาอาการต่างๆย่อมดีกว่าการใช้เครื่องไฟฟ้าอย่างแน่นอนครับ ซึ่งแม้ว่าเครื่องนวดไฟฟ้าจะสามารถลดเวลาและสะดวกในการใช้กว่า การเดินทางไปร้านนวดแผนโบราณ หรือการให้ผู้อื่นมานวดให้.........แต่ร่างกายของเรา มีเพียงร่างเดียวนะครับ ไม่ใช่ว่าเสียแล้วจะไปซ่อมกันได้ง่ายๆ การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย มีประโยชน์และสุขภาพดีย่อมเป็นสิ่งจำเป็นครับ
นวดโดยเครื่อง......มันจะดีกว่านวดโดยคนได้อย่างไร จริงมั้ยครับ ^___^